○ บทความโดย บารออ์ นิซาร ไรยาน
อาจารย์ด้านหะดีษ สาขาอุศูลุดดีน มหาวิทยาลัยอิสลาม กาซ่า
● สงครามทำลายล้าง
การสงครามก็เคยขัดขวางการละหมาดและการประกอบศาสนกิจในมัสยิดต่างๆ รวมถึงศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามก็ไม่รอดพ้น

บันทึกประวัติศาสตร์เก่าแก่สุดในกรณีนี้ ได้แก่การปราบปรามการลุกฮือของชาวมาดีนะฮ์ในปี ฮ.ศ.63/ค.ศ.682 โดยน้ำมือของยาซีด บินมุอาวียะฮ์ (เสียชีวิต ฮ.ศ.64/ค.ศ.683 ) กอดี อิยาฎ ( เสียชีวิต ฮ.ศ. 544 / ค.ศ.1149 ) กล่าวถึงสิ่งที่กองทัพยะซีดต่อชาวมาดีนะฮ์ ในหนังสือ إكمال المُعْلِم بفوائد مسلم ว่า “ พวกเขา(ทหารของยะซีด) เอาชนะชาวมะดีนะฮ์ได้ และละเมิดต่อพวกเขาเป็นเวลา 3 วัน ซอฮาบะฮ์หลายท่าน ตลอดจนลูกหลานชาวมุฮาญิรีนและอันศอรถูกฆ่าจำนวนไม่น้อย การละหมาดในมัสยิดนบีและการอะซานถูกงดในช่วงดังกล่าว
การทำลายล้างที่โด่งดังที่สุดที่เกิดขึ้นในมัสยิดหะรอมในนครมักกะฮ์ เป็นกรณีที่อาบูตอฮิร อัลจันนาบีย์ จากกลุ่มกอรอมิเตาะฮ์ ( เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 332 / ค.ศ.943 ) กองทัพของเขาได้บุกโจมตีคณะผู้แสวงบุญในวันตัรวียะฮ์ ปี ฮ.ศ.317/ค.ศ.929 ทำให้พิธีฮัจญ์ในปีนั้นถูกยกเลิกไป อาบูตอฮิร อัลจันนาบีย์ได้ฆ่าคนในลานมัสยิดหะรอมหลายพันคน อีกทั้งได้เจาะเอาหินดำกลับเมืองฮะจัรในประเทศของตน (ตั้งอยู่ในเขตอัลอะห์ซา ทางภาคตะวันออกของซาอุดิอาระเบียปัจจุบัน ) อิหม่ามซะฮะบีย์กล่าวไว้ในหนังสือ "ตารีคอิสลาม-ประวัติศาสตร์อิสลาม": ว่า "ในปีนั้นไม่มีใครวุกูฟแม้แต่คนเดียว" ซึ่งการขัดขวางการแสวงบุญของชาวมุสลิมซึ่งสำคัญกับพวกเขามากกว่าการละหมาดญามาอะฮ์มากนัก
[[ หมายเหตุผู้แปล*
กลุ่มกอรอมิเตาะห์ เป็นกลุ่มชีอะฮ์หัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง พวกเขาปล้นและลักพาหินดำไปราวๆ 22 ปี เพื่อนำไปติดตั้งในวิหารที่พวกเขาสร้างขึ้นมาในเมืองอะซาอ์ ดังในภาพประกอบบทความ เป็นกิบลัตสำหรับพวกเขา ในช่วงนี้ พิธีฮัจญ์ดำเนินไปโดยไม่มีหินดำ ราชวงศ์อับบาซียะฮ์อ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องไว้ได้ และต้องจ่ายค่าไถ่ปีละ 120,000 ดีนาร์ จนในที่สุดก็ได้อาศัยผู้ไกล่เกลี่ยและด้วยการจ่ายเงินจำนวนมหาศาล กลุ่มกอรอมิเตาะฮ์จึงยอมคืนหินดำให้ราชวงศ์อับบาซียะฮ์นำมาคืน ณ อาคารกะบะฮ์ดังเดิม
กลุ่มกอรอมิเตาะฮ์มีอำนาจอยู่ราวๆ 200 ปี จนในที่สุดก็อ่อนแอลง และล่มสลายลงในช่วงกลางฮิจเราะฮ์ศตวรรษที่ 5 ด้วยการถูกปราบปรามโดยเผ่าอุวัยนีย์ เติร์กเซลจู๊ก และเผ่าอาหรับต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ปกครองของราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ]]
อาชญากรรมของกลุ่มกอรอมิเตาะห์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์คล้ายกันก่อนหน้านั้น อับดุลอัลมาลิก อัลอาซอมี อัลมักกี (เสียชีวิต ฮ.ศ.1111/ค.ศ.1699 ) กล่าวถึงในหนังสือ سمط النجوم العوالي ว่า - ในปี ฮ.ศ. 250 / ค.ศ.864 กบฏอาลาวีย์ นำโดย อิสมาอีล บินยูซุฟ อัลอุคัยดิร อัสสัฟฟาก ( เสียชีวิต ฮ.ศ.252/ค.ศ.866 ) ได้บุกเข้ามักกะฮ์ ผู้ว่าการมักกะฮ์ของราชวงศ์อับบาซิดในแบกแดดได้หลบหนี และอิสมาอิลดังกล่าวเข้าปล้นบ้านของเขา และปล้นชิงทรัพย์สินของผู้คน จากนั้นก็ได้เข้าไปยังกะบะฮ์ และยึดเอาผ้าคลุมกะบะฮ์รวมถึงทรัพย์สืนข้างใน คลังเงิน เขาเข้าปล้นและเผานครมักกะฮ์บางส่วน ก่อนจะจากไปภายหลังจากที่ได้อยู่นานถึง 50 วัน
หลังจากนั้นอิสมาอิล อัลซัฟฟาก ก็ไปยังนครมาดีนะฮ์ ผู้ว่าการเมืองของราชวงศ์อับบาสิดได้หลบหนีไป อิสมาอีล ซัฟฟาก จึงได้ฆ่าคนและทำลายบ้านเรือนจำนวนมาก มัสยิดนบีไม่มีการละหมาดญามาอะฮ์ราวครึ่งเดือน หลังจากนั้นจึงกลับมาปิดล้อมนครมักกะฮ์ทำให้มีคนตายเพราะขาดอาหารและน้ำ และขณะนั้นตรงกับวันอารอฟะฮ์พอดี กองกำลังของอิสมาอีล ซัฟฟาก ได้ฆ่าหุจญาจราวๆ 1,100 คน ทำให้หุจญาจต่างพากันหลบหนี และไม่มีใครในสถานวุกูฟยกเว้นอิสมาอีล ซัฟฟาก และกองกำลังของเขา
เมืองมาดีนะฮ์นั้น นอกจากจะถูกทำร้ายโดยอิสมาอิล อัล - ซัฟฟากแล้ว มัสยิดแห่งนี้ก็ถูกงดใช้งานอีกครั้งด้วยน้ำมือของคนในตระกูลอาลาวีย์ มูฮัมหมัดและอาลี บุตรหุเซน บุตรของยะฟัร อัศศอดิก ที่บุกนครมาดีนะฮ์ ในปี ฮ.ศ.271 / ค.ศ.884
อิบนุกะษีร ได้กล่าวในหนังสือ "อัลบิดายะฮ์วัลนิฮายะฮ์" ว่า "ทั้งสองได้เข่นฆ่าประชาชนและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก การละหมาดญามาอะฮ์และละหมาดวันศุกร์ 4 สัปดาห์ได้หยุดลง ไม่มีผู้ใดมาละหมาดแม้แต่คนเดียว"
เกือบหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การละหมาดในมัสยิดของท่านศาสดาถูกรบกวนในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผู้แต่งหนังสือ "มุอัลลิมู มัสยิด นาบาวี ฟีตัรจุมะฮ์ชัยค์ อัลฟา ฮาชิม " ( เสียชีวิต ฮ.ศ.1349 / ค.ศ.1930 ) ซึ่งขณะนั้นชัยค์อัลฟา ฮาชิม เป็นอิหม่ามมัสยิดนาบาวี ระบุว่า ช่วงที่กองกำลังชารีฟหุเซ็น ( เสียชีวิต ฮ.ศ. 1931 ) ปิดล้อมอย่างเข้มข้นต่อนครมาดีนะฮ์ ฟัครุดดีน บาชา ผู้ว่าการออตโตมันในนครมาดีนะฮ์ ( เสียชีวิต ค.ศ.1948 ) ใช้มัสยิดของท่านศาสดาเป็นค่ายทหารและคลังแสง หออะซานของมัสยิดของท่านศาสดาถูกนำมาใช้เป็นหอคอยสังเกตการณ์ ในช่วงนั้นมัสยิดของท่านศาสดาก็งดละหมาดโดยสิ้นเชิง